top of page
botox

Botox (Botulinum Toxin)

                  Botox หรือ “โบทูลินั่ม ท็อกซิน” (Botulinum Toxin) เป็นโปรตีนที่สร้างจากแบคทีเรียชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ออกฤทธิ์กับระบบประสาทส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัวหรืออีกนัยหนึ่ง คือ เกิดการอัมพาตของกล้ามเนื้อ ใช้รักษาโรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ในด้านความงามนั้นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายนั้นคือการนำมาใช้ในการแก้ปัญหาริ้วรอยซึ่งเกิดจากการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าที่มีผลมาจากการแสดงสีหน้าในชีวิตประจำวันโดยจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 3 – 5 วัน และเห็นผลเต็มที่หลังฉีดประมาณ 2 สัปดาห์ ออกฤทธิ์นานประมาณ 4 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีด ยี่ห้อ และแต่ละบุคคล

โบท็อกซ์ฉีดตรงไหนได้บ้าง?

DSC07847.jpg

 หน้าผาก 
      ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เป็นริ้วรอยที่เกิดได้จากการแสดงสีหน้าและอารมณ์ รวมไปถึงอายุที่มากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปริ้วรอยบริเวณนี้จะเริ่มลึกกว่าเดิมและเห็นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ


 ระหว่างคิ้ว 
      ริ้วรอยระหว่างคิ้วเป็นบริเวณที่เกิดขึ้นได้ง่ายมากพอๆกับริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ซึ่งเกิดจากการยักคิ้ว การขมวดคิ้ว หรือการแสดงอารมณ์ เป็นจุดที่ฉีดแล้วสามารถอยู่ได้นานกว่าจุดอื่น แต่ก็เป็นจุดที่ยากและมีความเสี่ยงสูง เพราะมีเส้นประสาทเป็นจำนวนมาก


 หางตาและรอบดวงตา 
      ริ้วรอยหางตาและรอบดวงตา เป็นริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าจากการยิ้ม มักเป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นง่ายและเกิดขึ้นก่อนบริเวณอื่นเนื่องจากเป็นบริเวรที่ค่อนข้างบอบบาง


 กรามและกรอบหน้า 
      ผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่ หน้าบาน การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกราม เพื่อให้มีรูปหน้าที่เรียวเล็กกว่าเดิม

คําแนะนําก่อน
ฉีด 
Botox

  • งดอาหารเสริมในกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเลือดออกหรือการฟกช้ำ เช่น วิตามิน E, น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส, น้ำมันปลา, สารสกัดจากโสม, ขิง, กระเทียม และแปะก๊วย

  • งดยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น aspirin, ibuprofen, naproxen, indomethacin, celecoxib เป็นต้น เพื่อป้องกันเลือดออกและรอยฟกช้ำ

  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

  • ถ้ามีประวัติของโรคเริมบริเวณริมฝีปาก ควรแจ้งแพทย์ ก่อนการรักษา เพื่อหลีกเลี่ยงบริเวณรอบริมฝีปาก

คําแนะนําหลัง
ฉีด 
Botox

  • ห้ามนวด หรือ กดจุดบริเวณที่ฉีดในวันที่ฉีด

  • หลีกเลี่ยงการนอนราบเป็นเวลา 4 ชั่วโมงทันทีหลังการรักษา

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อนบริเวณที่ฉีด ในช่วง 1-2 สัปดาห์

  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่างๆที่เป็นสาเหตุให้เกิดใบหน้าแดง (facial flushing) เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การออกกำลังกาย การแช่น้ำอุ่น การอบซาวน่า และการทําผิวสีแทน การประคบเย็นหรือประคบด้วยนํ้าแข็ง สามารถบรรเทาอาการบวมและรอยฟกช้ำที่เกิดขึ้นได้ โดยประคบน้ำแข็งเป็นเวลา 15 นาที ในทุกๆชั่วโมง จนกว่ารอยฟกช้ำหรือ อาการบวมจะดีขึ้น โดยอาการฟกช้ำหรือบวมนี้จะหายได้ภายในระยะ เวลา 7-10 วัน

  • ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทุก 15 นาทีในชั่วโมงแรกหลังการฉีด

  • งดการทำทรีทเมนท์หน้าด้วยเครื่อง RF หรือการเลเซอร์อย่างน้อย 2 สัปดาห์หรือใช้ครื่องที่ใช้ความร้อนบนใบหน้าแต่สามารถทาครีม และเชรั่มได้ตามปกติ

bottom of page